Entry นี้ขออธิบายมอเตอร์ไซค์ประเภท Sport ซึ่งเป็นที่นิยมกันขณะนี้ เพราะตลาดมอเตอร์ไซค์รูปแบบนี้ มีความนิยมสูง และตอบโจทย์ของนักบิดเรื่องความเร็ว และรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ซึ่งแต่ละค่ายยี่ห้อ ก็มีลักษณะการ Design ที่ต่างกันไป รวมถึงมอเตอร์ไซค์แต่ละรุ่นแต่ละค่าย ก็มี Spec ที่ต่างกันออกไปด้วย รวมถึงลักษณะการใช้งานที่แยกย่อยออกไป ทำให้คำว่ามอเตอร์ไซค์สปอร์ต มีการแบ่งออกเป็นหลายหน่อออกที เช่นที่ได้ยินทั่วๆไป คือ Sport Touring , Sport Naked หรือ Naked Bike , สปอร์ตแท้ๆ (อันนี้เรียกแบบไทยๆ ^^)
เนื่องจากมันมีหลายประเภทย่อยๆออกมา แล้วเราจะเริ่มจากอะไรดี เช่น แบบไหนที่เข้ากับตัวเรา แบบไหนเข้ากับ การใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือแบบไหนที่เหมาะกับ สภาพแวดล้อมที่เราใช้งาน ก็ต้องขออธิบายตามแต่ละประเภทว่ามันต่างกันยังไงบ้าง ซึ่งอาจจะไม่เหมือนกับที่ได้ยินมา แต่คิดว่าตรงประเด็นที่สุด
Sport Bike บางความหมายจัดว่าเป็น Standart Bike หรือ Street bike
รถมอเตอร์ไซค์ Sport ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์คำว่า Sport ตรงๆตัวเลย ซึ่งตามตรงเป็นรถที่สร้างมาเพื่อให้ผู้ชายขับ มีการออกแบบให้มีความคล่องตัว เครื่องยนต์มีกำลังอัดที่สูง เพื่อตอบโจทย์การขับขี่ที่เร้าใจมากขึ้น ถังน้ำมันวางที่หน้าคนขับ การขึ้นขับก็ทำได้โดยการยกขาพาดไปด้านหลังรถ แล้วนั่งค่อม เป็นสิ่งที่สมัยก่อนไม่เหมาะกับผู้หญิง มีความสูงขึ้นมาจากพื้นระดับหนึ่ง (สูงกว่า Family) บางรุ่น มีเบาะมาแค่สำหรับคนขับ ยกตัวอย่าง
Honda CB450
รูปแบบสปอร์ตคลาสสิค
รูปแบบสปอร์ตคลาสสิค
Triumph thunderbird sport
เพื่อให้มิติการขับขี่เหมาะกับึความเร็วมากขึ้น ลักษณะของแฮนด์จึงต่ำลง เพื่อให้ผู้ขับไม่โดนลมปะทะน้อยลงสปอร์ตขนาดเล็ก สไตล์ City Sport น้ำหนักเบา ท่านั่งสบายขึ้น และมีกำลังพอตัว
Kawasaki GTO
รุ่นนี้เดิมเป็นรถสปอร์ตนะครับ ไม่ใช่รถส่งแก็ส
พูดถึงรถสปอร์ตเดิมๆนั้น คนรุ่นใหม่อาจไม่เกทเท่าไหร่ เพราะเราชินคำคำว่า สปอร์ตรูปแบบของ Sport Racing หรือรถแข่งไปแล้ว ที่ยกตัวอย่างมาข้างบนนี้จึงถูกจัดประเภทใหม่ ให้เป็น Standart Bike หรือ Street bike พูดง่ายๆคือ มอเตอร์ไซค์ที่ใช้งานบนถนนทั่วไปนั่นเอง ถึงจะไม่ใช่คำพูดที่เป็นทางการ แต่ความเข้าใจเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์สปอร์ต ก็เปลี่ยนไปแล้ว โดยรูปลักษณ์ที่ทันสมัยขึ้น และมีการถอดแบบมาจากรถแข่งมากขึ้น รวมถึงการตอบโจทย์เรื่องความเร็ว ยกตัวอย่างที่ไกล้ตัวเช่น
Kawasaki ZX-300R
Suzuki GSX-R 600
มอเตอร์ไซค์สปอร์ในยุคปัจจุบัน ที่มีรูปแบบถอดมาจากรถแข่งในสนามแข่ง หรือต้นแบบของรถแข่ง แต่มีการปรับแต่งให้เข้ากับการขับขี่บนถนนมากขึ้น มีการปรับลดรายละเอียดส่วนต่างๆ ให้สามารถดูแลรักษาง่ายขึ้น รถสปอร์ต หรือที่ชอบเรียกกันว่า Bigbike เป็นการตอบโจทย์ที่ง่ายที่สุด สำหรับมอเตอร์ไซค์คันแรก เพราะที่แน่ๆ เป็นการตอบโจทย์เรื่องความเร็ว ความคล่องตัว(ถ้ามีทักษะ) และความเท่ห์ ^^ ย่านกำลังของมอเตอร์ไซค์สปอร์ตจะเป็นลักษณะรอบความเร็วสูง กำลังที่รอบต้น-กลาง-สูง แล้วแต่การออกแบบของแต่ละรุ่น แต่เน้นความจัดจ้านจากกำลังอัดในห้องเผาไหม้ที่สูง รอบเครื่องยนต์มาไว มีการตอบสนองต่อการบิดคันเร่งที่ไว ส่วนช่วงล่างของรถสปอร์ตจะออกแบบมาเพื่อการเข้าโค้ง มีช่วงระยะห่างล้อที่สั้น และหน้ายางที่กว้าง มอเตอร์ไซค์สปอร์ต เหมาะสำหรับจะขับในเมือง(ยกเว้นเมืองที่มีรถติดเวอร์) การเดินทางทริปสั้นๆ หรือเดินทางไกลด้วยความเร็วสูงก็สามารถทำได้เช่นกัน
แต่สิ่งที่ต้องรับได้สำหรับมอเตอร์ไซค์สปอร์ต คือ ท่านั่งแบบรถแข่ง ที่เน้นความเป็น 1 เดียวกับรถ ท่านั่งที่หมอบแทบจะติดกับถังน้ำมัน และแฮนด์จับโช้คที่อยู่ในระดับต่ำ ในการขับขี่ในเมืองการหมอบอาจทำให้เหนื่อยล้าได้ ถ้าจัดท่าไม่ถูกวิธี ซึ่งถ้าขับอย่างมีทักษะ ท่านั่งนี้จะช่วยให้การเข้าโค้งความเร็วสูง มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
แต่สิ่งที่ต้องรับได้สำหรับมอเตอร์ไซค์สปอร์ต คือ ท่านั่งแบบรถแข่ง ที่เน้นความเป็น 1 เดียวกับรถ ท่านั่งที่หมอบแทบจะติดกับถังน้ำมัน และแฮนด์จับโช้คที่อยู่ในระดับต่ำ ในการขับขี่ในเมืองการหมอบอาจทำให้เหนื่อยล้าได้ ถ้าจัดท่าไม่ถูกวิธี ซึ่งถ้าขับอย่างมีทักษะ ท่านั่งนี้จะช่วยให้การเข้าโค้งความเร็วสูง มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
Sport Touring เป็นมอเตอร์ไซด์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ขับที่รักความเร็วและการเดินทางไกลๆเป็นหลัก เน้นความเร็วสูง (สูงกว่ามอเตอร์ไซค์สปอร์ต) และสามารถขับแช่นานๆในความเร็วรอบสูงได้ติดต่อกันหลายชั่วโมง มีย่านกำลังที่อยู่ในรอบสูงๆไม่เน้นกำลังต้น คือออกตัวอาจจะอืดซักหน่อย ซึ่งเดินทางไกลเรามักจะขับแช่ยาวๆไม่ได้มีจังหวะเร่งๆ-ผ่อนๆ เหมือนขับในเมือง ย่านกำลังจึงเป็นลักษณะ (ม้าตีนปลาย) ต่างกับมอเตอร์ไซค์แบบสปอร์ตที่มีกำลังในรอบต่ำๆเพื่อการเข้าโค้งและการออกตัวที่รวดเร็วอยู่บ้าง ระยะห่างล้อหน้า-หลัง จะมากกว่าสปอร์ต เพื่อความมั่นคงสำหรับวิ่งในทางตรง ตัวรถมีมิติความกว้างยาวมากกว่าสปอร์ตเพื่อให้มีน้ำหนักมีผลต่อความเสถียรระหว่างที่รถวิ่งความเร็วสูง แต่ก็ยังคงรูปทรงที่มาจากมอเตอร์ไซค์สปอร์ต เพียงแต่จะใหญ่โตกว่า แต่ในบางรุ่นอาจะมีท่านั่งที่สบายขึ้นและชิวหน้าขนาดใหญ่ช่วยลดแรงลมปะทะ รวมถึงมีที่นั่งให้คนซ้อน และอุปกรณ์ต่างๆที่สามารถติดตั้งได้เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการเดินทาง
Suzuki GSX-R 1300 Hayabusa
มอเตอร์ไซค์ที่เร็วที่สุดในโลก ก็เป็น Sport Touring เช่นกัน สังเกตุจากความยาวของตัวรถ และระยะห่างของล้อทั้ง 2
สังเกตุว่าแฮนด์เป็นแบบแฮนเดิ้นบาร์ เพื่อให้ผู้ขับไม่ก้มหรือหมอบมากนัก
การขับ Sport Touring เป็นการขับขี่ที่นุ่มนวลลงมานิดหน่อย เมื่อเทียบกับสปอร์ต อัตราเร่งอาจจะไม่จัดจ้านมากเท่ากับสปอร์ต แต่เน้นความเร็วคงที่ที่มากกว่า แต่ในประเทศไทยมักเข้าใจผิดว่า Sport Touring เป็นรถที่ขับช้าๆชิลๆ แต่ความเป็นจริงแล้ว เป็นรถที่เน้นความเร็วสูงโดยเฉพาะ ถ้าเป็นผู้ขับขี่ที่ชอบการเดินทางไกลและความเร็วสูงแต่ชอบภาพลักษณ์ความเป็นสปอร์ต มอเตอร์ไซค์ Sport Touring เป็นรถที่ีตอบโจทย์ข้อนี้ได้ตรงตัวที่สุด ซึ่งสมรรถณะของ Sport Touring ก็จะพัฒนาไปตามเทคโนโลยีในปัจจุบัน ในบางรุ่นสามารถใช้แข่งในสนามได้เกือบจะเทียบเท่ามอเตอร์ไซค์สปอร์ตเลยทีเดียว
Naked Bike มอเตอร์ไซค์สปอร์ตแบบไม่มีแฟริ่ง
พูดง่ายๆ ก็คือมอเตอร์ไซค์สปอร์ตที่ถูกจับถอดแฟริ่งออก ให้เห็นความสวยงามของโครงสร้างและเครื่องยนต์ กลุ่มนักขับที่ชอบ Naked Bike จะคล้ายๆสปอร์ต แต่จะไม่ชอบอะไรเทอะทะ และความใหญ่โตเกินตัว รวมถึงท่านั่งไม่สบายนัก โดย Naked Bike จะมีต้นแบบมาจากรถสปอร์ตบางรุ่นคือเครื่องยนต์และโครงสร้างเดียวกัน แต่การตกแต่งภายนอกจะต่างกัน โดยหลักๆคือ แฟริ่งในส่วนด้านหน้าจะโล่ง เหลือแค่ไฟหน้า และหน้ากากที่เป็นแบบหันตามแผงคือรถ ท่านั่งก็จะสบายขึ้นโดยแฮนด์จะอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น และความสูงของรถกูจะถูกปรับแต่งให้ขับขี่ง่ายขึ้น ในบางรุ่นมีการลดทอนแรงม้าเครื่องยนต์ลงมาอยู่ในรอบต่ำกว่าเดิม อาจจะเพิ่มแรงบิดในรอบต่ำ และปรับอัตราทดเกียร์ใหม่ ให้การขับขี่โดยรวมมีความนิ่มนวลและเรียบง่ายกว่ามอเตอร์ไซค์สปอร์ต สำหรับการขับขื่ในเมืองหรือในสภาพการจราจรหนาแน่น Naked Bike เป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่าสปอร์ตอย่างแน่นอน
Suzuki B-King
ถอดแบบมาจาก Suzuki GSX-R 1300 หรือ Hayabusa แต่มีดีไซด์ภายนอกที่เปลี่ยนไปเหมือนคนละคัน
Yamaha FZ-1
เครื่องยนต์ 1000cc และโครงสร้างที่ถอดมาจาก R1
Kawasaki Z-250
หรือ Ninja 250 ในรูปแบบ Naked
Suzuki GSX-R 1300 Hayabusa
มอเตอร์ไซค์ที่เร็วที่สุดในโลก ก็เป็น Sport Touring เช่นกัน สังเกตุจากความยาวของตัวรถ และระยะห่างของล้อทั้ง 2
Honda VFR-1200
รุ่นนี้มีระบบ DCT และเกียร์แบบอัตโนมัตเพื่อการขับที่ง่ายขึ้นไปอีก
Kawasaki ER-6F หรือ Ninja650สังเกตุว่าแฮนด์เป็นแบบแฮนเดิ้นบาร์ เพื่อให้ผู้ขับไม่ก้มหรือหมอบมากนัก
การขับ Sport Touring เป็นการขับขี่ที่นุ่มนวลลงมานิดหน่อย เมื่อเทียบกับสปอร์ต อัตราเร่งอาจจะไม่จัดจ้านมากเท่ากับสปอร์ต แต่เน้นความเร็วคงที่ที่มากกว่า แต่ในประเทศไทยมักเข้าใจผิดว่า Sport Touring เป็นรถที่ขับช้าๆชิลๆ แต่ความเป็นจริงแล้ว เป็นรถที่เน้นความเร็วสูงโดยเฉพาะ ถ้าเป็นผู้ขับขี่ที่ชอบการเดินทางไกลและความเร็วสูงแต่ชอบภาพลักษณ์ความเป็นสปอร์ต มอเตอร์ไซค์ Sport Touring เป็นรถที่ีตอบโจทย์ข้อนี้ได้ตรงตัวที่สุด ซึ่งสมรรถณะของ Sport Touring ก็จะพัฒนาไปตามเทคโนโลยีในปัจจุบัน ในบางรุ่นสามารถใช้แข่งในสนามได้เกือบจะเทียบเท่ามอเตอร์ไซค์สปอร์ตเลยทีเดียว
Naked Bike มอเตอร์ไซค์สปอร์ตแบบไม่มีแฟริ่ง
พูดง่ายๆ ก็คือมอเตอร์ไซค์สปอร์ตที่ถูกจับถอดแฟริ่งออก ให้เห็นความสวยงามของโครงสร้างและเครื่องยนต์ กลุ่มนักขับที่ชอบ Naked Bike จะคล้ายๆสปอร์ต แต่จะไม่ชอบอะไรเทอะทะ และความใหญ่โตเกินตัว รวมถึงท่านั่งไม่สบายนัก โดย Naked Bike จะมีต้นแบบมาจากรถสปอร์ตบางรุ่นคือเครื่องยนต์และโครงสร้างเดียวกัน แต่การตกแต่งภายนอกจะต่างกัน โดยหลักๆคือ แฟริ่งในส่วนด้านหน้าจะโล่ง เหลือแค่ไฟหน้า และหน้ากากที่เป็นแบบหันตามแผงคือรถ ท่านั่งก็จะสบายขึ้นโดยแฮนด์จะอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น และความสูงของรถกูจะถูกปรับแต่งให้ขับขี่ง่ายขึ้น ในบางรุ่นมีการลดทอนแรงม้าเครื่องยนต์ลงมาอยู่ในรอบต่ำกว่าเดิม อาจจะเพิ่มแรงบิดในรอบต่ำ และปรับอัตราทดเกียร์ใหม่ ให้การขับขี่โดยรวมมีความนิ่มนวลและเรียบง่ายกว่ามอเตอร์ไซค์สปอร์ต สำหรับการขับขื่ในเมืองหรือในสภาพการจราจรหนาแน่น Naked Bike เป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่าสปอร์ตอย่างแน่นอน
Suzuki B-King
ถอดแบบมาจาก Suzuki GSX-R 1300 หรือ Hayabusa แต่มีดีไซด์ภายนอกที่เปลี่ยนไปเหมือนคนละคัน
Yamaha FZ-1
เครื่องยนต์ 1000cc และโครงสร้างที่ถอดมาจาก R1
Kawasaki Z-250
หรือ Ninja 250 ในรูปแบบ Naked
ถึง Naked Bike เป็นอีก 1 ตัวเลือกสำหรับผู้ขับที่ชอบความสปอร์ตที่เรียบง่ายลงมา แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความเร็ว เพียงแต่ข้อจำกัดที่ตามมานั้นก็คือ ขณะที่ใช้ความเร็วสูงผู้ขับจะต้องรับภาระจากแรงลม ที่ปะทะเข้ามาโดยไม่มี วินชิลล์คอยบังลมให้ บวกกันท่านั่งที่ต้านลมมากขึ้น พอนะนึกออกนะครับ แต่หากจะใช้งานเดินทางไกล ก็สามารถทำได้เช่นกันเพียงแต่อาจจะใช้ความเร็วสูงได้ไม่สะดวกนัก ส่วนเทคนิคการขับขี่ก็สามารถใช้รูปแบบสปอร์ตได้ ผู้ขับส่วนหนึ่งที่เลือก Naked Bike คือผู้ขับที่ลดคะแนนความต้องการความเร็ว มาเพิ่มในคะแนนส่วนของ Life Style ความง่าย และความสวยงามในอีกรูปแบบ แต่ก็ยังมีความเร็วใช้ใช้เมื่อต้องการ เพียงแค่บิดคันเร่งให้หนักขึ้น ^^
สำหรับมอเตอร์ไซค์สปอร์ต ก็มีเพียงเท่านี้นะครับ เลือกใช้ให้เหมาะกับผู้ขับที่สุด ไม่จำเป็นต้อง Fix ในเรื่องของการใช้งาน บางส่วนก็มาจากความชอบ เพราะไม่ว่าประเภทไหน ก็ใช้เดินทางไกลได้เหมือนกัน ขับในเมืองได้เหมือนกัน หรือจะขับในสนามแข่งก็สามารถทำได้ แต่ความสะดวกสบายในแต่ละด้านก็แตกต่างกันไปตามสเปคของรถ อาจจะบอกได้ว่า การขับขี่บนทางเรียบรูปแบบสปอร์ตต่างๆที่ว่ามาเหล่านี้ เป็นรูปแบบของมอเตอร์ไซค์ที่ตอบโจทย์ที่ง่ายที่สุดและอาจจะตรงตัวที่สุดก็เป็นไปได้