วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

CBR 250R สภาพ"หลังสงคราม" T T +ประเมิณผลการใช้งานมา 6 เดือน


Honda CBR-250R
ประเมิณผลการใช้งานมา 6 เดือนของ CBR250R ข้อดีข้อเสียบางอย่างที่ไม่พบในคู่มือ รวมถึงปัญหาจุกจิกต่างๆ ที่ผมเก็บข้อมูลมาได้ เท่าที่ใช้งานมา 6 เดือน หากสนใจรุ่นนี ก็ลองๆอ่านดู นะครับ ^_^"

หลังจากที่หนีน้ำไปอยู่ ตจว ตั้ง 2 เดือน กว่าจาได้กลับมาขับน้องซี(CBR 250R)สุดรัก ก็แทบขาดใจเรยทีเดียว โชคดีที่ไม่จมน้ำซะก่อนเพราะจอดอยู่สนามบินดอนเมืองอาคารคาร์โก้ชั้น 2 ยังไงก็ไม่โดน ถ้าเกิดยังโดน กรุงเทพก็คงมะเหลือแร้ว เหอๆ โชคดีมักๆ Entry นี้จะขอวิเคราะประสิทธิภาะการใช้งานของน้องซี หลังจากใช้มาครึ่งปีแล้วก็พอจาประเมินได้ว่าคุ้มมากน้อยแค่ไหน อันนี้ผมวัดเองตามที่เก็บข้อมูลได้นะครับ


บ่นก่อนเล็กน้อย
 :)


กลับมาก็พบว่าสภาพเหมือนของเก่า ฝุ่นเกาะ แถมมีใยแมงมุมเต็มไปหมด ก็จอดทิ้งไว้ตั้ง 2 เดือนนี่เนาะ มาถึงก็ลองปลุกให้ตื่น ปิดกุญแจสตาร์ทดู ปรากฎว่าติดในครั้งเดียวซะงั้น นึกว่าจะขี้เซาตื่นยาก แต่เสียงรอบเดินเบายังไม่สมูทมีสดุดบ้าง (ข้อควรระวังก็คือ อย่าไปเร่งบิดทันที เพราะต้องรอให้น้ำมันเครื่องค่อยๆเข้าไปในส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ซะก่อน บางคนสตาร์ทปุ๊ปไปบิดเร่งให้เครื่องร้อน นั่นจะทำให้เครื่องพังเร็วขึ้น) พอลองเข้าเกียร์1 ลองบิดก็พุ่งเหมือนเดิม กำลังไม่ได้ตกเลย แต่ตามนิสับคนรักรถ ก็ต้องเอาไปอู่ซ่อม เพื่อเช็คสภาพอันดับแรก ลมยางกำลังจะเติม พอใช้นิ้วกดๆหน้ายางดู กดไม่ลงเรย งั้นไม่เติมก็ได้วะ 555+ อันดับต่อมาก็มาดูที่โซ่ ปรากฎว่า สนิมเพียบเรยคร้าบ ก็หยอดน้ำมันกันไป นอกนั้น ไม่มีอะไรสึกหรอเพราะก่อนจะเอาไปจอดพึ่งเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง (ไอ้เรื่องน้ำมันเครื่องเนี่ย ขอย้ำว่าอย่าไปใช้ของ Honda นะ ถึงจะเป็นรถ Honda ก็เหอะ เพราะช่างที่ศูนย์บอกเองว่าน้ำมันเครื่องมันกระจอกมาก 555+ ใช้ Shell หรือ PTT จะ Castrol ก็ได้)

มาเริ่มประเมินผลกันเรย


เอาที่สเปคก่อนละกัน จะได้รู้จักกันมากขึ้น (สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก) สำหรับผมที่ได้ลองขับมอเตอร์ไซด์สปอร์ตที่เป็นของตัวเอง และเก็บข้อมูลขนาดนี้ก็ถือป็นครั้งแรก ขอบอกว่าไม่ได้แต่งอะไรเลย เดิมๆทั้งคัน น้องซีเป็นสปอร์ตรุ่นไม่ใหญ่มากความจุเครื่องยนต์ 250CC ตามรุ่น แต่มีออฟชั่นอื่นๆ ที่ไม่ธรรมดา เช่นระบบหัวฉีด PGM-FI ควบคุมด้วย ECU คอมพิวเตอร์ประมาลผล , หน้าปัดดิจิตอลที่แสดงความเร็ว ความร้อนเครื่องยนต์ มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงนาฬิกาบอกเวลา ระยะทางที่วิ่งและสามารถตั้งคำนวนระยะทางที่วิ่งและเก็บข้อมูลได้ด้วย , ระบบเซ็นเซอร์เครื่องยนต์ตั้งแต่ถังน้ำมัน ระบบจุดระเบิดและท่อไอเสีย , ระบบวาวล์แบบ DOHC หรือ Twincam และเบรค ABS หน้าหลัง นอกนั้นก็คล้ายๆ รถมอเตอร์ไซด์สปอร์ตทั่วๆไป รวมถึงการขับที่ปวดหลังตามสไตล์สปอร์ต ถึงใครหรือหนังสือเล่มไหนจะบอกว่าท่านั่งมันสบายแบบสปอร์ตทั่วลิ่งเนื่ย ขอเถียงหลังชนฝา เพราะแม่งเมื่อยจิงๆไม่ปวดหลังก็ปวดแขนล่ะนะ





-ความเร็ว ความเร็วสูงสุดของน้องซี 250 รุ่นท็อป อยู่ที่ 175km:h อันนี้ที่ผมทำได้เองนะ ความเร็วสุดที่เกียร์ 6 รอบสูงสุดที่ประมาณ 10,000 รอบ อันนี้ยังไม่ได้หมอบช่วย เพราะตอนหมอบมันไปทับซิบของเสื้อหนัง ทำให้เจ็บหน้าอก -_-" แต่เท่าที่มีคนทำได้แล้วมาโพสในเว็บบอร์ด ก็ประมาณนี้ครับ ลากยาวใช้ได้ ตอนความเร็วเกิน 150 ก็เริ่มไม่ค่อยกระดิกละ กว่าจะถึง 170 นี่ก็ลุ้นอยู่ทีเดียวว่าจะมีอะไรโง่ๆโผล่มาตัดหน้ามั้ย ส่วนความเร็วสูงสุดที่เกียร์ 5 อยู่ที่ 155km:h เล่นกันตรงๆ ไม่มีทางโค้ง เส้นนครนายกเกียร์ 5 ขึ้นได้เร็วมากก่อนจะสับเป็นเกียร์ 6 พอเป็นเกียร์ 6 แล้ว แรงก็ตกไปนิดๆ แต่ก็รู้สึกได้ว่าอัตราเร่งช่วงปลายมันลด คิดซะว่าประหยัดรอบเครื่องยนต์ละกัน ส่วนความเร็ว Quoter Mile ยังไม่เคยลอง แต่ได้ความเร็ว 100km:h ใน 8 วิกว่าๆ อันนี้ฝึกจนได้ล่ะนะ แรกๆทำได้ยาก ต้องใช้การปล่อยคลัชที่ถูกจังหวะบวกกับการบิดคันเร่ง แต่คนเก่งๆ อาจทำได้ไม่ยาก มีรอบเครื่องยนต์เริ่มต้นที่ 1,500 รอบ ออกตัวเกียร์ 2 ได้ถ้าอยากลากยาวหน่อย ยกเว้นถ้ามีคนซ้อน แต่อัตราเร่งช่วงต้นถือว่าดีมาก เพราะลูกสูบเดี่ยวลูกโตอัดแรง บาลานซ์เครื่องถือว่าเยี่ยม เรียดแรงบิดได้มากพอสมควรหลังจาก 5,500 รอบขึ้นไป รวมๆแล้วถือว่าพอใช้ได้ครับ แต่ผิดหวังนิดๆ ที่ไม่ถึง 200km:h ซึ่พอไปถามที่ศูนย์ ช่างก็บอกว่าให้ไปเปลี่ยนท่อ จูนกล่อง ECU ใหม่ เด๋วก็ถึงเอง ซึ่งยังไม่คิดจะลองเลยครับแต่แค่นี้ตำรวจก็ตามไม่ทันแล้วครับ เหอะๆ 
-สมรรถณะ จะว่าไปรูปทรงแบบสปอร์ตกลับรู้สึกว่ามันขับง่ายกว่ารถทั่วๆ ไปเวลาใช้ความเร็วสูงและการเข้าโค้งยาวๆ โช้คหน้าเทเลสโทรปิคคู่ กลับโช้คหลังเดี่ยว ProLink รู้สึกไม่นิ่มอย่างที่คิด แต่ก็ไม่เลวซะทีเดียว บิดๆไปเจอหลุมก็กระโดดสูงเหมือนกัน แต่ยังทรงตัวได้ตลอดไม่เคยล้ม ส่วนเบรค ABS ก็ไว้ใจได้ทีเดียว วัดกันที่ถนนลื่นๆ ตอนฝนตกช่วงกรกฏาสิงหา ฝนตกผิดฤดูเป็นว่าเล่น แต่ก็เอาอยู่ครับเว้นแต่ว่าอยากสคิทล้อโชว์แบบหล่อๆ อาจจะทำไม่ได้เพราะเบรคมันไม่ล็อคล้อให้ครับ
ระบบเบรค ABS หน้า-หลัง
-ส่วนความคลองตัวโดยรวมก็แล้วแต่คนขับ ผมสูง 165 ถือว่าไม่สูงมากนัก รางกายค่อนข้างสมส่วน(ไม่ได้ขาสั้น อ้วนเตี้ย หรือผอมแห้ง) ขายาวพอประมาณ เวลาค่อมก็เหยียดสุดขาพอดีครับ ถ้าขาสั้นกว่านี้คงลำบากหน่อย แต่คนขายาวกว่าผมอีกนิดนึง คงขับได้สบายๆเลย


-ขับในเมืองก็ไม่ยากอย่างที่คิดเพราะเทียบช่วงความกว้างของแฮนด์แล้วก็เท่าๆรถมอเตอร์ไซด์ทั่วๆ ไปถึงรูปทรงจะดูใหญ่ แต่เวลาขับซอกแซกรถติก ก็ไม่ค่อยเป็นปัญหาครับ สบายมากๆ สามารถพับกระจกส่วงข้านเข้ามาได้ด้วย ถ้ากลัวไปเกี่ยวรถใครเข้า เอาเป็นว่าขับในเมืองไม่มีปัญหา ตำรวจตามไม่ทัน 55+


-ขับทางไกลข้อนข้างปวดหลังนิสนึงครับ ไม่ปวดหลังก็ปวดแขนขึ้นกับว่าจะเกร็งส่วนไหน เพราะจิงๆมันต้องหมอบขับกันไปเลย ส่วนคนซ้อนไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่าเหนื่อยกว่าคนขับ ถ้าไม่มีไอ้ที่จับข้างหลัง คงปลิวไปแล้ว ขนาดซ้อนธรรมดายังเสียวเพราะที่นั่งมันอยู่สูง ถ้าได้นั่งซัก 2 ชม. ทางไกลๆตากแดดตากลม ด้วยความเร็ว 100up ล่ะก็ ลงจากรถได้เปื่อยเป็นเศษมนุษย์เรยทีเดียว แต่รถแบบนี้เค้าเอาไว้นั่งคนเดียวล่ะนะ เว้นแต่จะเป็นสาวนั่งแล้วกอดแนบหลัง หึหึ ซึ่งเป็นผู้ชายมันคงไม่กอดแน่ -_-"


-ค่าใช้จ่าย ไม่ได้หมายถึงเงินดาว์นกับเลินผ่อนนะครับ หมายถึงค่าน้ำมันที่ต้องเติมจะได้ออกไปร่อนได้ จากที่ผลคำนวนอย่างละเอียดแล้ว ในทางไกลน้องซีทำได้ 38km : Lite นี่สำหรับความเร็ว 120 km:h ตลอดทางไปเขาใหญ่ วิธีวัดก็ทั่วๆ ไป วัดระยะทางจากมิเตอร์ และคำนวนน้ำมันที่เติม หรือระยะทางจากสถานที่ก็ได้ ส่วนขับในเมืองชิวๆ 60-130 ก็อยู่ที่ 40 กว่าๆ ไม่ถึง 50 หรอก คิดว่านะ ไอ้ความเร็ว 130 เนี่ย มีโอกาสขับแค่เส้นเรียบทางด่วยวิภาวิดีเท่านั้น เอาซะว่าเติม 100บาท ได้ประมาณ 3 ลิตรนิดๆ ก็ขับเล่นได้ทั้งวันแล้วครับ ถ้าไม่ซัดยาวต่อเนื่อง
ระบบหัวฉีด PGM-FI และระบบวาวล์แบบ DOHC เพิ่มความแม่นยำในการจ่ายเชื้อเพลิง

ข้อจำกัด ะใช้คำว่าข้อจำกัดนะครับ อะไรดีแค่ไหนก็ต้องมีข้อจำกัด เพราะถ้าหากใช้คำว่าข้อเสียแล้วมันจะไกล้เคียงกับคำว่าข้อผิดพลาด เหอๆ เดี๋ยวจะฟังดูไม่ดี ข้อจำกัดของน้องซีเอาง่ายๆว่าเรื่องที่ทำให้ปวดกะบาลละกัน ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก แต่มันใช้ตังเยอะไปนิส..
เบรค ABS ของ NISSIN


-อย่างแรกเรย ราคาผ้าเบรค ABS ของล้อหน้า-หลัง แพงบัดซบ ถ้าราคาที่ศูนย์รวม หน้าหลังก็ราวๆ 2,000 เรยทีเดียว สะใจเรยคร้าบบบบ.... เชี่ย แต่เห็นในเน็ตว่ามียี่ห้อที่ไม่แพงและดีกว่าของศูนย์ด้วย ก็น่าลองแฮะ รู้สึกจาของ Glodfren จะได้เปลี่ยนซะที ทุกวันนี้ใช้เทคนิคการ Engine Break กับผ้าเบรกหลังที่เหลือน้อยนิด ต่อชีวิตมาได้ "ผ้าเบรคศูนย์หมดเร็วเวอร์"


-อย่างที่ 2 คืออาการดับแบบไม่รู้สาเหตุครับ ไม่ได้ดับง่ายๆหรอกนะ แต่มันจะดับไปเองตอนบิดไปเกิน 7,000 รอบและปล่อยคันเร่ง ถ้าไม่ปล่อยคันเร่งดื้อๆแบบว่าค่อยๆผ่อนก็ไม่เป็นไร โอกาสดับ 50/50 เลยทีเดียว อยู่ดีๆ ก็ดับซะงั้นเลย แต่ปล่อยคลัชก็ติดเหมือนเดิม หรือไม่ก็กดปุ่มสตาร์ทมือ เด๋วก็ติดเอง อันนี้ยังไม่ได้ปรึกษาช่างที้่ศูนย์บริการ



-อย่างที่ 3 การเข้าเกียร์ที่ต้องรอรอบเครื่องยนต์ถึง 6,000 บิดไปให้ถึง แล้วการเข้าเกียร์ถึงจะนิ่มนวล ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของเครื่องยนต์รอบจัด ที่ต้องส่งต่อกำลังใช่ช่วงที่เครื่องรีดแรงบิดได้พอดี ตอนซื้อมาแรกๆก็งงว่า เข้าเกียร์สะดุดทุกครั้ง เป็นเพราะอะไรฟระ รึว่ารถมันกาก ก็ไม่น่าใช่ ก็เลยลองเร่งๆดูกว่าจะรู้เทคนิค พอถึงรอบที่ 6,000 หรือมากกว่านั้น การเข้าเกียร์จะไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย แต่ครั้นจะขับช้าๆทางใกล้ๆ หรือเลี้ยวยูเทิร์น จะให้เร่งถึง 6,000 รอบ ก็ได้ไปนอนวัดถนนกันพอดี ก็ทนเข้าเกียร์แบบสะดุดๆ กันไป แต่ขับไปนานๆ ก็ชินเองครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมาก


-อย่างที่ 4 ขนาดของลูกสูบที่ตอนนี้มีผลิตมาแค่ Size เดียว แต่หวังว่าในอีกไม่นานจะผลิตมาเพิ่ม เพราะถ้ามีขนาดเดียวต่อไปเนี่ย เวลาใช้ไปนานๆ แล้วเครื่องหลวมขึ้นมา จะไม่มีอะไหล่มาเปลี่ยน นอกจากจะคว้านเสื้อสูบ เพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้น ไม่อยากทำแบบนี้เรย เหอๆ
ประเมิณผลแบบคร่าวๆที่เก็บข้อมูลได้ตลอด 6 เดือน สรุปเองง่ายๆว่า 
- เป็นรถที่มีความเร็วแรงเพียงพอที่จะขับในถนนใหญ่ๆได้ โดนไม่โดนไล่บี้
- เป็นรถที่ให้อารมณ์ความสมบูรณ์แบบเพราะมันมีหลายอย่างที่ไม่คิดว่ามอเตอร์ไซด์จะมี

- เป็นรถที่ขับเอาตัวรอดได้ จากตำรวจ รึ นักเลง หรือ เด็กแว้นทั่วๆ ไปได้สบายๆ 555+
- เป็นรถที่ประหยัดเชื้อเพลิงได้มากเมื่อเทียบกับความเร็วของรถ และขนาดความจุเครื่องยนต์ในรุ่นอื่นๆ ที่ 250cc เท่ากัน 
- เป็นรถที่มีความสวยงาม เท่ ขับไปจีบสาวได้ ถ้าไม่คิดมากเรื่องการที่มีคนขับรุ่น 150cc ที่หน้าตาคล้ายกัน จนดูเกลื่อนไปหมด 5555+
- เป็นรถมอเตอร์ไซด์สปอร์ตที่สามารถเอามาขับเล่นได้ทุกวัน โดยไม่ต้องคิดมากเรื่องค่าน้ำมัน
- เป็นรถที่ไม่เหมาะจะมาขับช้าๆชิว เพราะ RPM : 6,000รอบ ที่เกียร์ 6 ก็ได้ความเร็ว 100km:h พอดีแล้วครับ นี่แค่รอบต่ำสุดที่ใช้เปลี่ยนเกียร์ ถ้าซัดยาวก็ไปได้อีก
- เป็นมอเตอร์ไซด์ที่มีระบบความปลอดภัยและออฟชั่นเสริมมากพอสมควรที่ค่อนข้างจะเกินราคารถเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ซึ่งมีเหตุผล เด๋วอธิบายให้ฟัง


เหตุผลในการซื้อ (อย่างละเอียด)
ไม่ขอเอ่ยชื่อรุ่น อื่นๆที่เปรียบเทียบกันได้ เพราะเด๋วสาวกเค้ามาอ่านจะไม่พอใจ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คิดว่าเอาของแบบนี้มาเทียบกัน จะทำให้ดูฉลาดขึ้นหรอกนะ เพียงแต่ว่า (การจะเสียเงินหลังหมื่นหลักแสนแต่ละครั้งมันต้องมีเหตุผลในการตัดสินใจกันมั่ง) ไม่ใช่มามั่วๆพูดลอยๆแบบว่าเห็นรุ่นไหนแล้วชอบก็บอกรุ่นนั้นดี ผมว่ามันดูไร้ความรู้ไปหน่อย ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ สำหรับการตัดสินใจซื้อเท่าไหร่ เอาง่ายๆว่าใช้สมองก่อนเสียเงินละกัน ซึ่งผมก็ชอบหาข้อมูลเยอะๆ ก่อนซื้อ จะได้เอาไปพูดกับคนอื่นอย่างมีเหตุและผลได้ว่าเพราะอะไร เวลาจะพูดถึงรถรุ่นไหน ก็ต้องพูดอย่างมีข้อมูล ถึงจะพูดถึงข้อเสียก็เถอะ เพราะรถราคาหลักแสนเนี่ยพูดพล่อยๆว่ารถมันห่วย ต่อหน้าเจ้าของรถ โดยไม่มีเหตุผลที่ดีพอ ก็จะโดนเหม็นขี้หน้าได้ หรือคนพูดจะถูกมองว่าเป็นไอ้สวะที่ไม่น่าคุยด้วยเรยทีเดียว 555+ การที่ผมชอบเกี่ยวกับมอเตอร์ไซด์ มันทำให้ผมชอบที่จะศึกษามอเตอร์ไซด์ทุกรุ่นครับ ไม่เคยที่จะดูถูกรถรุ่นไหนเลย ก็ว่ากันไปตามคุณภาพและเทคโลโลยีของแต่ละรุ่น แต่จะพูดถึงข้อเสียของรถที่ตัวเองไม่ได้ขับไม่ได้ซื้อ มันก็ออกจะสามหาวไป ก็เลยขอพูดถึงเฉพาะรุ่นที่ตัวเองซื้อละกัน


เหตุผลในการซื้อ เรียงเป็นข้อๆ

- ความเท่ มาอันดันแรกครับ รูปร่างที่สวยงาม และเท่จนอยากได้มาขับ ทีแรกจะเอารุ่น 150cc ด้วยซ้ำ เพราะสี แดง ขาว น้ำเงิน มันสวยดี ส่วนสีอื่นๆไม่เข้าตาเท่าไหร่ รูปทรงนี้และ รถพระเอกหนังแอคชั่นเรยทีเดียว ขับไปขับมา จะแปลงร่างได้อยู่ละ นี่ถ้าผอมกว่านี้ จะไปแต่ง Cosplay ไรเดอร์ ซะหน่อย เหอะๆ ส่วนใครจะบอกว่ารุ่นไหนเท่กว่า ช่างหัวมัน แล้วแต่คนชอบ พูดมากเด๋วแจกนิ้วกลางแม่งเรย 5555+ ล้อเล่น
- ความแรง คิดไว้เรยว่ามันต้องได้แน่ๆ 100 Up เพราะที่ขับ Yamaha Spark อยู่ทุกวันมันบิดได้ไม่ค่อยถึง กว่าจะถึงก็เหนื่อย พอมีรถที่วิ่งได้เร็วแล้ว เดี๋ยวก็คิดออกเอง ว่าจะขับไปไหน หึหึ
- ออฟชั่นเสริมที่มากมาย เอาแค่หน้าปัด Digital ก็เท่เหลือหลายละ อย่างอื่น ก็อ่านตามคู่มือรถเอาว่ามันมีไรบ้าง
หน้าปัด Digital ออกแบบมาได้ลงตัวกับแฟริ่งพอดีเลย



กลไก Offset Cylinder

ช่วยให้การศึกหลอของลูกสูบ และกระโปรงลูกสูบ รวมถึงลดความร้อนที่เกิดจากการเสียดสีจากทิศทางการผลักดันของข้อเหวี่ยง ช่วยให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น สำหรับเครื่องรอบจัดแล้ว น่าช่วยได้เยอะ


การปรับจุดศูนย์กลางของข้อเหวี่ยงให้ดันกระบอกสูบขึ้นลงตรงๆ เพื่อไม่ให้ไปเกิดแรงเสียสีกับผนังเสื้อสูบด้านใดด้านหนึ่งมาเกินไป (อันนี้เดาเอาจากรูปนะ 555+)



ข้อสงสัย (คิดว่าบางคนก็คิดเหมือนผม) ซึ่งก็ไปหาคำตอบมาบ้างแล้ว

- ทำไมเทียบกับรุ่นนึงที่ 250cc เท่ากัน แล้วราคาน้องซีถูกกว่า ทั้งๆที่มีออฟชั่นมากกว่า
ตอบ : เพราะส่วนที่ทำให้ราคาถูก คืออะไหล่ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เช่น เสื้อสูบ ชุดลูกสูบ บลาๆๆๆ... ที่ใช้อะไหล่ที่ Honda ผลิดเอง หรืออะไหล่ทดแทนที่ใช้กับรถแข่ง แต่เป็นยี่ห้อที่ไม่ได้โปรโมท หรือนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการ ราคาจึงถูกลงมาก เมื่อเทียบกับบางยี่ห้อที่ใช้อะไหล่ของ A.R.T ที่เป็นแบรนด์คุณภาพ ราคาก็สูงตามไปด้วย แต่คุณภาพหรือเกรดวัสดุ ขอใช้คำว่าใกล้เคียงกัน หรือมาตรฐานเดียวกันนั่นเอง คืออลูมิเนียมแข็งพิเศษ ที่ระบายความร้อนได้ดี ไม่อย่างนั้น ก็ไม่สามารถรองรับการเสียดสีถึง 10,000 รอบต่อนาทีได้แน่นอนครับ เรื่องคุณภาพหายห่วงได้ นี่คือเหตุผลของราคาที่ถูกลง จึงไปเพิ่มออฟชั่นต่างๆ เช่นเบรค ABS หรือหน้าปัด Digital อื่นๆ บลาๆๆๆ... ได้ โดยที่ราคารถ ไม่แพงกว่ารุ่นอื่น

- ทำไมเสียงท่อไม่เร้าใจเลย (อันนี้หลายคนบ่น)

ตอบ : การที่ท่อเงียบเพราะมันมีมาตรฐานการผลิตที่มาจากโรงงาน ทำให้ท่อเงียบและไอเสียออกมาน้อย หรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งถ้าอยากได้ความเร้าใจ ก็ไม่จำเป็นต้องไปแคร์ เปลี่ยนท่อแม่มเรย เอาเสียงทุ้มๆเร้าใจหน่อย หรือใครไม่ชอบเสียงดัง ชอบแรงแบบเงียบๆ ก็เดิมๆไป แต่เปลี่ยนท่อแล้ว มันจะปล่อยไอเสียได้มากขึ้น ซึ่งหมายถึงจะมีความแรงมากขึ้นนั่นเองครับ ซึ่งนอกจากผมแล้ว ก็เห็นเปลี่ยนกันแทบทุกคน แต่ผมชอบแบบนี้แหละเอาไว้เนียนออกจากบ้านดึกๆ แบบไม่มีใครรู้

- เบรค ABS มันดีแค่ไหน

ตอบ : ถนนลื่นๆ ก็ลองดูเองถึงจะรู้สึกได้ครับ ว่ามัน Save แค่ไหน หรือถ้าเคยได้ยินว่ามันไม่ดีกว่าเบรคธรรมดาเท่าไหร่ นั่นคือคำพูดของคนที่ขับรถที่เป็นดิสเบรคธรรมดา 555+ มิเช่นนั้น รถแข่ง หรือรถยนต์ทั่วๆ ไป คงไม่ใช้กันเป็นมาตรฐาน


- 250CC มันแรงมั้ย

ตอบ : ก็ต้องลองดูเองครับ ขึ้นอยู่กับเทคนิคการขับ 250cc มันก็แรงในระดับนึง แต่ถ้าใครบอกว่าไม่แรง หรือกระจอก CC น้อย ก็ต้องให้มันเอาไปเข้าโค้งความเร็วซัก 80Km:H ต่อเนื่อง 2 โค้ง ถ้าไม่แหกโค้งตายซะก่อนค่อยมาบอกว่าไม่แรงละกัน เหอะๆ เอาเป็นว่า 250cc ก็คุมให้อยู่ก่อนละกัน อยากแรงกว่านี้ก็ต้องมีเงินมาหนุนเยอะๆล่ะนะ แต่สำคัญที่สุดคือเทคนิคการขับขี่ เพราะจะเล่นรถทรงนี้ ต้องขับให้เป็นด้วย ต้องศึกษาว่ารอบที่เท่าไหร่ เครื่องยนต์จะแสดงกำลัง หรือความเร็วสูงแต่ละเกียร์อยู่ที่เท่าไหร่ เวลาเข้าโค้งความใช้ความเร็วระดับไหนใช้ระดับเกียร์เท่าไหร่ เรื่องพวกนี้สำคัญมากครับ แต่ชีวิตประจำวันก็ขับได้ไม่เกิน 120 แน่นอน อย่างเก่งก็ 140 ล่ะนะ คงไม่มีใครขับ 200 ได้ทุุกวันแน่ครับ โดยเฉพาะถนนในกรุงเทพ ถ้าขับแค่นี้ 150cc ยังไหวเลย 

- สูบเดียวมันจะเวิร์กรึป่าว

ตอบ : เครื่องยนต์ความจุ 250CC ของน้องซีเป็นเครื่องยนต์สูบเดียวครับ ลูกสูบ 1 ลูก 250cc เนี่ย ก็ลูกโตเลยล่ะ แต่บางรุ่นที่ความจุ 250CC เหมือนกัน แต่เป็นเครื่องยนต์พาราเรล 2 สูบ หรือ 4 สูบ นั้น จะมีความแตกต่างในเครื่องของกำลังและแรงบิดครับ ยิ่งสูบเยอะก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเร่งรอบเครื่อยนต์ได้สูงขึ้น แรงม้าและแรงบิดสูงสุด ก็เพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ในทางกลับกัน ในช่วงที่รอบต่ำๆก็จะไม่มีแรงบิดเท่าที่ควร ทำให้ประคองรถยาก เว้นแต่ว่าเป็นรถที่ความจุ CC เยอะๆ เพราะลูกสูบมันทำงานทีละสูบครับ (อย่าง2สูบก็สูบละ 125x2=250 4สูบก็หารด้วย4) ส่วนเครื่องยนต์ 1 ลูกสูบจะได้เปรียบเรื่องแรงออกตัวที่มีกำลังมากกว่า แต่ในรอบสูงๆจะรีดแรงม้าได้น้อยกว่า แต่ข้อดีคือแรงม้าสูงสุดจะมาในรอบที่น้อยกว่า ซึ่งหมายถึงสามารถเร่งกำลังได้เร็วกว่านั่นเอง เอาง่ายๆว่า ช่วงต้นดีกว่า แต่ช่วงปลายๆ ก็ต้องยอมให้เครื่องที่มี 2 สูบขึ้นไปครับ แต่จะว่ากันง่ายๆ CC เท่ากัน จะกี่สูบก็ตาม ผมว่าความเร็วความแรงมันก็ไม่หนีกันมากหรอกครับ อย่างมากเต็มที่ ห่างกันไม่เกิน 10 km:H หรอกน่า ถึงจะสูบเดียวแต่รุ่นนี้บาล้านซ์เครื่องดีมากครับ ไม่มีสะดุดเลย รอบสูงๆ เครื่องยังนิ่ง
ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำยาหล่อเย็น + พัดลม , ระบบเซ็นเซอร์แรงดันอากาศ


- ซื้อมาขับจะคุ้มมั้ย (อันนี้ตอบเอง)

ตอบ : มอเตอร์ไซด์ราคาเป็นแสน แทบจะซื้อรถเก๋งมือสองได้เรยทีเดียว ซึ่งคุ้มกว่ากันแน่นอน ขึ้นชื่อว่ามอเตอร์ไซด์ราคาหลักแสนนี่ ก็พูดคำว่าคุ้มไม่ออกแล้วครับ มันอยู่ที่ความชอบมากกว่า ถ้าเอาการใช้งาน ผมซื้อ Yamaha X1-R คงจะถูกกว่าแต่ใช้ประโยชน์ได้คล้ายๆกัน แต่มาแนวนี้ เรื่องความคุ้ม ไม่ต้องคิดแล้วครับ อยู่ที่ชอบ + เงินถึง โดนใจรุ่นไหน ในงบที่มี ก็รุ่นนั้น ถ้าคิดมากเรื่องความคุ้ม ก็ทำได้แค่เลือกรุ่นที่คุ้มกว่ารุ่นอื่นๆ ในราคาเท่ากัน แต่จะให้คุ้มราคาเงิน คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นแค่มอเตอร์ไซด์ นั่งได้มากสุด 2 คน อุบัติเหตุก็เกิดง่าย ฝนตกก็เปียก บลาๆๆๆ....  สรุปถ้าชอบ ก็ชื้อ ความชอบชนะทุกอย่าง 55555+ แต่ผมเชื่อว่า น้องซีนี่แหละ คุ้มที่สุดแล้วใน 250cc ที่มีขายกันยู่ตอนนี้ ไม่เชื่อก็เอาข้อมูลมาวัดกันเลย เหอๆ (เห่อรถตัวเอง) ไม่ได้อยากจะเปรียบเทียบ แต่อย่างที่บอก ถ้าชอบรุ่นไหน ไม่ต้องไปสนเรื่องความคุ้มหรอก ซื้อมาขับเอง เงินจ่ายเอง ใครจะว่าไงช่างหัวมัน เพราะมันไม่ได้ช่วยออกเงิน เหอะๆ พูดมาก เด๋วแจกนิ้วกลางแม่งเรย 5555+ ล้อเล่น

ไปๆมาๆ คล้ายๆไปโฆษณาให้ Honda ซะงั้น 555+



ขอปิดท้ายด้วยข้อมูลทางเทคนิค

Sales nameCBR250R
Model typeHonda MC41
Overall length × Overall width × Overall height (m)2.035 × 0.720 × 1.125
Wheelbase (m)1.370
Ground clearance (m)0.145
Seat height (m)0.780
Curb weight (kg)161 (STD) 165 (ABS)
Riding capacity (No. of people)2
Minimum turning radius (m)2.5
Engine typeCS250RE, liquid-cooled 4-stroke DOHC single cylinder
Displacement (cm³)249
Bore × Stroke (mm)76.0 × 55.0
Compression ratio10.7
Fuel supply systemProgrammed fuel injection system (PGM-FI)
Starter typeSelf-starter
Ignition typeFull-transistor battery ignition
Lubricating typeWet sump
Fuel tank capacity (L)13
Clutch typeWet multiplate with coil springs
Transmission typeConstant mesh 6-speed return
Transmission gear ratio1-speed3.333
2-speed2.118
3-speed1.571
4-speed1.304
5-speed1.115
6-speed0.963
Reduction gear ratio (primary, secondary)2.808 / 2.714
Caster angle/Trail (mm)25º00´/ 95
Tire sizeFront110/70-17M/C
Rear140/70-17M/C
Brake typeFrontHydraulic disk
RearHydraulic disk
Suspension typeFrontTelescopic
RearSwing arm (Pro-link suspension system)
Frame typeDiamond